ที่มา: Forward Mail
รถหาย ให้รีบแจ้งรายละเอียด แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุ ทราบโดยเร็ว หรือโทรหมายเลขพิเศษ “1192” (ศปร.ตร.) ตลอด24ชั่วโมง เพื่อความรวดเร็ว ในการติดตามสกัดจับคนร้าย และเพื่อความรวดเร็วในการกระจายข่าวสาร, ข้อมูลของรถที่ถูกโจรกรรม ไปยังหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง คือ
1.ตำรวจทางหลวง,
2.ตำรวจตระเวนชายแดน,
3.ตำรวจภูธรภาค 1-9,
4.กองบัญชาการตำรวจนครบาล,
5.สถานีตำรวจภูธรตามแนวชายแดน,
6.กองกำลังบูรพา,
7.กองกำลังป้องกันชายแดน จันทบุรีและตราด
ก่อนโจรกรรม ฝ่ายโจรกรรมรถ หรือ แก๊งค์ หรือ คนร้ายลักรถจะต้องทราบ ความต้องการ ของฝ่ายผู้สั่งซื้อ หรือนายหน้าส่งออก ว่าต้องการรถอะไร ยี่ห้อ รุ่น ขนาด สี หรือที่เรียกกันว่า “ใบสั่ง” ฝ่ายโจรกรรมรถ ก็จะออกตระเวน ไปในที่ต่าง ๆ เพื่อหารถตาม ใบสั่ง ส่วนมาก จะหาในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพราะมีรถตามที่ต้องการมาก วิธีการโจรกรรม มีอยู่หลายวิธี ทั้งวิธีการเก่าๆ และที่ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ ผสมผสานกัน หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า คนร้ายได้ศึกษาวิธีการ และกลไกการป้องกัน การโจรกรรมรถ ของเจ้าของ และฝ่ายเจ้าหน้าที่ทุกวิถีทาง วิธีการโจรกรรมรถของคนร้ายพอประมวลได้ดังนี้
1. งัดหูช้าง คนร้ายจะใช้เครื่องมืองัดหูช้างออก แล้วเอามือล้วงเข้าไปเปิดสลักหรือค้นล็อกประตู เปิดประตูรถเข้าไป แล้วใช้ไขควงงัดกระปุกกุญแจสตาร์ทออก ต่อไฟตรง เพื่อติดเครื่องยนต์แล้วขับหลบหนีไป
2. ใช้กุญแจปลอม คนร้ายจะทำกุญแจเลียนแบบกุญแจของรถชนิดที่ต้องการลัก ไว้หลาย ๆ ขนาด (รอยหยัก) แล้วเลือกลองใช้ทุกดอกที่ทำไว้ ถ้าเปิดประตูรถได้ คนร้ายก็จะเปิดประตูแล้วติดเครื่องยนต์ขับหลบหนีไป
3. ลอกแบบกุญแจ คนร้ายจะใช้วิธีสร้างความสนิทชิดชอบกับเด็กบริการล้างอัดฉีดรถ ตามสถานบริการจำหน่ายน้ำมัน แล้วว่าจ้างให้เอาดินน้ำมัน พิมพ์แบบกุญแจรถของจริง ตามที่มีผู้สั่งซื้อไว้ โดยมีค่าจ้างในการจัดทำ คันละ 200 – 250 บาท โดยเด็กบริการล้างอัดฉีด จะเก็บแบบพิมพ์กุญแจดินน้ำมัน พร้อมจดหมายเลขทะเบียน รถคันนั้น ไว้ให้ด้วย ต่อจากนั้น คนร้ายจะไปว่าจ้าง ร้านทำกุญแจทั่วไป ทำกุญแจปลอมตามแบบพิมพ ์ในราคาดอกละ 10 – 20 บาท เมื่อได้กุญแจแล้ว ก็จะออกตระเวน ติดตามรถคันดังกล่าว เพื่อโจรกรรม
4. สร้างกุญแจ คนร้ายจะทำกุญแจในแบบและรูปทรงต่าง ๆ โดยไม่มีรอยหยัก ของรถตามชนิดที่ต้องการ (ระบุไว้ในใบสั่งซื้อ) แล้วเอาน้ำหมึกอินเดียอิ้งค์สีดำ ทาไว้ปล่อยให้แห้งสนิท เมื่อพบรถที่ต้องการ คนร้ายจะเอากุญแจแบบรูปทรงที่ทำไว้ สอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ แล้วบิดหมุน เพื่อให้เกิดร่องรอย ที่น้ำหมึกอินเดียอิ้งค์ ดึงเอากุญแจออก นำไปเซาะร่อง ตามรอยที่ปรากฏอยู่ เมื่อจัดทำกุญได้แจเรียบร้อยแล้ว คนร้ายก็จะออกติดตามรถคันนั้น เมื่อสบโอกาสจะทำการโจรกรรมทันที
5. ใช้ลวดเกี่ยวปุ่มล็อกประตูรถ รถบางชนิดไม่มีหูช้าง คนร้ายจะใช้วิธีดึงกระจกที่บานประตูให้เผยอเพียงเล็กน้อย และถ้าเจ้าของปิดกระจกไม่สนิท ก็ยิ่งเป็นโอกาส ให้เกิดความสะดวก แก่คนร้ายมากขึ้น ต่อจากนั้น คนร้ายจะใช้ลวด ทำเป็นห่วงที่ปลาย สอดเข้าไป ดึงปุ่มล็อกประตูออก เปิดประตูเข้าไปในรถ ต่อไฟฟ้าสายตรง สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับ หลบหนีไป
6. ใช้ไขควงฉาก คนร้ายจะทำไขควงชนิดหน้าแบน ขนาดยาวประมาณ 1 ฟุต (รวมความยาวของด้าม) ที่ตอนปลายไขควง ตรงความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของความยาวไขควง ดัดงอเป็นมุมฉาก ใช้ปลายไขควง สอดเข้าไปในรูกุญแจประตูรถ งัดอย่างแรง กระปุกกุญแจประตู จะแตกและหลุดออกมา สามารถเปิดประตูรถ เข้าไปต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ แล้วขับหลบหนีไป
7. งัดฝาถังน้ำมัน มีรถหลายชนิดฝาถังน้ำมันอยู่ภายนอก และกุญแจเปิดฝาถัง น้ำมัน กุญแจเปิดประตูรถ และกุญแจติดเครื่องยนต์ ใช้ดอกเดียวกัน คนร้ายจะใช้กุญแจเลื่อนขนาดใหญ่ งัดเอาฝาน้ำมัน ไปทำกุญแจ โดยอาศัยร่องรอย จากรูกุญแจของฝาถังน้ำมัน เมี่อทำเสร็จแล้ว จะได้ทั้งกุญแจไปไขประตูรถ และติดเครื่องยนต
8. ใช้น้ำกรด คนร้ายจะใช้น้ำกรดใส่ขวด และมีลูกยางหรือเข็มฉีดยาพร้อมหลอด ดูดน้ำกรดจากขวดน้ำ ไปหยอดหรือฉีด เข้าไปในรูกุญแจประตูรถ น้ำกรดจะเข้าไปทำลายช่อง กุญแจ ทำให้สามารถเปิดประตูเข้าไปในรถได้ แล้วใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ ขับหลบหนีไป
9. เปิดกระจกหลังรถ คนร้ายจะใช้ไขควงงัดยางขอบกระจกหลังรถออก แล้วเปิดกระจกออกด้วยแรงดึง ซึ่งกระทำด้วยความชำนาญ คนร้ายหรือลูกมือที่ใช้วิธีการนี้ จะเคยเป็นช่างถอด หรือใส่กระจกมาก่อน เมื่อถอดกระจกออกได้แล้ว จะมุดตัวเข้าไปในรถ แล้วใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ แล้วขับรถหลบหนีไป
10. ใช้เหล็กเขี่ยสลักล็อกประตู คนร้ายจะทำเหล็กเป็นลักษณะแบนหรือกลม หรือใช้ไขควงตัวเล็ก ๆ แหย่เข้าไปในรู ใต้หูจับเปิดรถ แล้วเขี่ยสลักล็อกประตูรถ เปิดประตูเข้าไปในรถ ใช้วิธีต่อไฟฟ้าสายตรง เพื่อติดเครื่องยนต์ ขับหลบหนีไป
11. ใช้กลอุบายรับจ้างขับรถ คนร้ายจะใช้วิธีการง่าย ๆ โดยไปรับจ้างเป็น คนขับรถตามสำนักงานจัดหางาน เมื่อได้รถแล้วก็จะขับรถให้นายจ้างประมาณ 6 – 7 วัน ได้โอกาสก็จะขับรถหลบหนีไป
12. จี้หรือชิงรถซึ่งหน้า คนร้ายประเภทนี้ จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ปฏิบัติการครั้งละ 2 คน (ขับขี่ 1 คน และซ้อนท้าย 1 คน) ติดตามสะกดรอยรถ ตามใบสั่ง เมื่อเจ้าของรถหรือเหยื่อขับรถคนเดียว ไปจอด หรือผ่านไปในเส้นทางที่เปลี่ยว หรือลับตาคน คนร้ายก็จะใช้วิธีขับรถจักรยานยนต์ ไปเฉี่ยวรถของเหยื่อ เมื่อเหยื่อ ซึ่งเป็นเจ้าของรถหยุด รถลงตรวจสอบความเสียหาย คนร้าย จะใช้อาวุธปืนหรือมีดปลายแหลม จี้ให้ลงจากรถ และส่งกุญแจรถให้ คนร้ายก็จะขับขี่รถเอาไปซึ่งหน้า ทิ้งผู้เสียหาย (เจ้าของรถ) ไว้ในที่ เกิดเหตุ
13. มอมยาคนขับรถยนต์รับจ้าง คนร้ายจะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ขั้นตอน ขั้นแรก คนร้ายซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง จำนวน 4 – 5 คน จะไปว่าจ้างรถยนต์ (ตามใบสั่ง ที่ต้องการ) เพื่อไปเที่ยวน้ำตก หรือสถานท่องเที่ยว ในต่างอำเภอหรือจังหวัด เสร็จงาน ก็จะจ่ายเงินให้คนขับตามปกติ ขั้นที่สอง เป็นห้วงระยะเวลา 4 – 5 วัน จากขั้นแรก คนร้ายชุดเดิม จะว่าจ้างรถไปเที่ยวเหมือนเดิม แต่จะนัดหมายกับคนร้ายพวกเดียวกัน 1 – 2 คน ไปรอ ณ. จุดที่กำหนดเพื่อรอรับรถ ใกล้บริเวณจุดที่กำหนด คนร้ายที่เป็นผู้หญิง จะพยายามหาโอกาส ในช่วงที่คนขับรถ รับประทานอาหารร่วมกัน ใส่ยานอนหลับ หรือยาชนิดอื่นที่ทำให้มึนเมาหมดสติลงไปในเครื่องดื่ม หรืออาหาร เพื่อมอม คนขับรถให้หมดสติ ต่อจากนั้น ก็จะส่งคนขับรถไปนอนที่โรงแรม ซึ่งได้จองไว้ล่วงหน้า แล้วนำกุญแจรถให้กับคนร้าย ซึ่งรออยู่แล้วขับรถหลบหนีไป วิธีการนี้ค่อนข้างจะ เป็นวิธีใหม่ในการโจรกรรมรถ
14. รถยนต์ที่มีล็อกพวงมาลัยอัตโนมัติ คนร้ายจะใช้เท้าถีบและใช้มือดึงพวงมาลัย ให้สลักล็อกพวงมาลัยหักหรือหลุด
15. รถยนต์ที่ใช้โซ่ล่ามพวงมาลัยกับคันเบรค คนร้ายจะใช้กรรไกรตัดเหล็กขนาด ใหญ่และคมตัดโซ่หรือทำลายกุญแจโดยการใช้น้ำกรดหยอดลงในรูกุญแจ แล้วใช้เหล็กงัดทำลายกุญแจ
16. รถยนต์ที่มีอุปกรณ์ล็อกคลัชและเบรค คนร้ายจะใช้วิธีทำลายกุญแจ แบบใช้ น้ำกรดหยอด หรือเหล็กงัด หรือใช้วิธีตัดแผ่นรองเท้าที่คันคลัชและเบรคออก
17. รถยนต์ที่ติดตั้งสัญญาณส่งเสียง คนร้ายจะศึกษาล่วงหน้าว่าเจ้าของรถทำไว้ อย่างไร เช่น ติดตั้งสัญญาณไว้ที่ประตู ถ้าเปิดประตูสัญญาณจะดัง คนร้ายก็จะใช้วิธี ทุบกระจกประตู หรือถอดกระจกหลังรถเพื่อเข้าไปในรถโดยไม่ต้องเปิดประตู
18. รถยนต์ตัดสวิทซ์หรือตัดวงจรไฟฟ้า คนร้ายก็จะใช้วิธีศึกษาการใช้ของเจ้าของ รถมาก่อนทำการโจรกรรม ถ้าไม่สามารถทำได้ คนร้ายจะมีลูกมือเป็นช่างไฟฟ้า ทำงานในอู่ซ่อมรถมาก่อนเป็นผู้ดำเนินการต่อวงจรใหม่ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสวิทซ์ ติดวงจรลับที่ทำไว้